สามเณรวิรัช ลุปซ่าร์ บ้านเดิมอยู่ย่านวัดดอน ยานนาวา มีปู่เป็นชาวเยอรมันชื่อเฟอร์โด ลุปซาร์เคยเป็นครูสอนเกษตรในไทยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๑ คุณย่าชื่อแช่ม สกุลเดิมคือศรีโยหะ บิดาชื่อวินิจ ลุปซาร์
สามเณรวิรัช ลุปซาร์ เกิดเมื่อปี ๒๔๙๐ เป็นลูกคนที่สี่ บวชเป็นเณรที่วัดดอน ยานนาวาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับอาจารย์ที ชาวเขมรที่ศรีสะเกษจนสำเร็จ อาจารย์ทีสิ้นชีวิตเมื่ออายุ ๑๒๔ ปี ขณะนั้นสามเณรวิรัชอายุได้ ๑๒ ปี
เหรียญจักรเพชร วัดดอน |
ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ก่อนมรณะได้สร้างเหรียญจักรเพชรขึ้นและได้บรรจุวิชาสำคัญครบเครื่องตั้งแต่เมตตามหานิยม แคล้วคลาด จนถึงคงกระพันชาตรี เป็นเหรียญที่โด่งดังมาก
"เหรียญจักรเพชร"
ฝีมือของกองกษาปณ์กรมธนารักษ์อีกเช่นกัน เหมือนกับ "เหรียญจักรเพชร" ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรก
เหรียญจักรเพชร วัดดอน |
ส่วนการประกอบพิธีมังคลาภิเษก ก็เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ คำว่ายิ่งใหญ่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโฆษณามาก ๆ เน้นการแต่งแต้มสีสันในพิธีให้ดูอลังการแบบวัตถุนะครับ แต่หมายถึงการจัดเครื่องบวงสรวงบูชา การนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ การนิมนต์พระเถรานุเถระมาร่วมกันนั่งปรก ทำได้อย่างถูกต้องครบถ้วน มีการเสกไปตามธาตุต่าง ๆ ทั้งสี่ เช่น ธาตุน้ำก็ขนลงไปเสกในแพ ธาตุลมก็ขนขึ้นไปเสกบนยอดเขา ฯลฯ
การปลุกเศกเหรียญจักรเพชร มีพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เป็นความยิ่งใหญ่แบบเงียบๆเฉพาะในหมู่ลูกศิษย์เท่านั้น พิธีนั้นถูกหนังสือพิมพ์ไทยรัฐโจมตีว่าเอาเดรัจฉานวิชาไปทำกันในโบสถ์วัด
คนที่ได้พบกับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่แน่ใจว่าคนฟังๆแล้วจะเชื่อหรือไม่ คือการทำพิธีในโบสถ์แต่ละคืนรวม 7 คืนหรือ 9 คืน จำไม่ได้แน่นอน แต่ละคืนลูกศิษย์ทุกคนต้องมายืนรับอาจารย์ของสามเณรวิรัชซึ่งได้เคยไปเรียนวิชากันในป่าตั้งแต่ไทย ลาว พม่า อินเดีย ช่วงที่สามเณรวิรัชธุดงค์ไปเพื่อเรียนรู้วิชาอาคม มีตั้งแต่อาจารย์ที่เป็นแขก จีน ฯลฯ ส่วนใหญ่ทุกคนจะเป็นลักษณะนักบวชที่อยู่ในป่า เวลามาในงานปลุกเศก ก็ไม่มีใครไปรับ อยู่ๆก็เห็นเดินเข้ามา พอผ่านตัวจะรู้สึกเหมือนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ผ่านตัวเราไป เย็นวูปเลย พอเสร็จพิธีเดินออกมาจากโบสถ์ผ่านพวกเราออกไปก็เย็นเหมือนเดิม แล้วก็เดินผ่านไปพอพ้นสายตาเรา ก็จะหายไป ดุจผู้วิเศษที่ล่องหนมา แล้วก็ไป ใครที่ไปจองเหรียญนี้ต้องมีเงินถึง 500 บาทในสมัยนั้น
ปรากฏว่าหลังจากปลุกเศกเสร็จ ยังไม่ท่านจะแจกเหรียญและก็ยังมีผ้ายันต์ด้วย เกิดไฟไหม้ห้องสามเณร ของอย่างอื่นไหม้หมด ยกเว้นบริเวณที่เป็นโต๊ะหมู่ที่มีพระและของที่ปลุกเศก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้ายันต์ซึ่งวางอยู่บนถาดใหญ่ ผ้าลองผ้ายันต์ที่ห้อยลงไปจากถาดเป็นรอยไหม้หมด แต่ผ้ายันต์ไม่เป็นอะไรเลย
ก่อนจะได้รับจากสามเณรวิรัช ก็ต้องมีพิธีลองของกัน โดยมีของมีคมอยู่ 8 หรือ 9 ชนิด มีตั้งแต่ดาบมีดสั้น เหล็กแหลม เก้าอี้ตะปูคม สารพัดสาตราวุธ ซึ่งคนที่เช่าจองทุกคนก่อนรับไปต้องเลือกเอาอย่างหนึ่งเพื่อลองความขลัง (เกือบทุกคน) ผ่านการทดลองไปได้ด้วยดี แต่มีอยู่หนึ่งคนราคือเด็กชายฉัตรชัย กันตถาวร เลือกเหล็กแหลมยาวประมาณหนึ่งฟุต แล้วให้คนที่อยู่ในพิธีออกมาจับสองมือแทงเข้าที่สีข้าง ก่อนหน้าทุกคนก็ไม่มีปัญหา แต่พอถึงเจ้าฉัตร ปรากฎว่าเหล็กนั้นทิ่มเข้าไป เลือดทะลักเลย เดือดร้อนสามเณรวิรัชต้องมาทำคาถาเอาเทียนอุดให้ แป๊บเดียวหายเลย เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ลองไตร่ตรองเอาเอง บางคนเอาดาบที่ใหญ่ที่สุดฟันลงกลางหลัง เป็นแค่ที่เขาเรียกกันว่าเลือดออกยางบอนเป็นเส้นยาวกลางหลังเหมือนใครเอาตะปูมาขีดลงบนหลังเรา ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้พี่ยังห้อยคอด้วยเหรียญนี้อยู่บนคอ(ข้อความจากศิษย์วัดสุทธิวราราม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น