วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว

เหรียญหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณบุรี "หลวงพ่อโบ้ย" วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี ท่านเป็นมีเมตตาธรรมสูง มักน้อยถือสันโดษ มีพลังจิตที่เข้มขลังอาคมที่แก่กล้า นามของท่านจึงขจรขจายไปไกลทั่วภาคกลาง

อัตโนประวัติ เกิดเมื่อปี 2435 ปีมะโรง ไม่ทราบวันเดือนที่แน่ชัด ณ บ้านสามหมื่น ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ท่าน ได้ศึกษาพระธรรม และจำพรรษาอยู่ที่วัดมะนาว ราว 3 พรรษา จึงได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านพระธรรมวินัย และอักขระขอม ที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) เขตธนบุรี เมื่อปี พ.ศ.2459

จากนั้นจึงได้ศึกษาต่อ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ที่วัดอมรินทร์ เป็นเวลา 8-9 ปี จึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดมะนาว ในปี พ.ศ.2466 และในปีถัดมาจึงได้มีโอกาสไปศึกษาต่อวิชาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา 1 พรรษา จึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดมะนาวอีก

หลวงพ่อโบ้ยเป็นพระที่ถือสมถะ สันโดษ มักน้อย ไม่สะสมทรัพย์สมบัติใดๆ ได้รับกิจนิมนต์โปรดญาติโยม ไปสวดมนต์ ไม่ว่าที่ใด หากญาติโยมถวายเงินปัจจัยเป็นจำนวนมากๆ ท่านจะไม่ยอมรับไว้ เหตุนี้ท่านจึงไม่ยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ทั้งไม่รับครองผ้ากฐิน วัตรปฏิบัติของท่านที่ทำเป็นประจำ คือ ท่านจะตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน และทำวัตรสวดมนต์ จนกระทั่งรุ่งเช้า จึงออกไปบิณฑบาต เมื่อกลับมาถึงวัด ท่านจะนิมนต์พระทุกรูปในวัดยืนเข้าแถว แล้วจะตักข้าวในบาตรของท่านถวายแด่พระทุกรูป เป็นเช่นนี้ประจำอยู่ทุกวัน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลแจกฟรี โดยไม่ยอมรับปัจจัยเด็ดขาด จึงนับได้ว่าท่านเป็นพระผู้สละแล้วซึ่งทุกสิ่ง

วัตถุมงคลของท่านเริ่มสร้างในราวปี พ.ศ.2473 เป็นพระเนื้อโลหะผสม เช่น โตก ขันลงหิน เชี่ยนหมาก เป็นต้น ดังนั้น พระของท่านบางครั้งจึงมีสีไม่ค่อยเหมือนกัน พระของท่านนั้นจะเทหล่อกันเองภายในวัด ตอนที่ท่านสร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านไม่ได้จำวัดตลอดทั้งคืน เทหล่อจนใกล้รุ่งสาง ใช้ตะไบแต่งริมขอบทุกองค์ รอยตะไบนี้ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งหลังจากฉันเพลแล้ว ท่านก็จะเอาพระเข้ากุฏิทำการปลุกเสก พอตอนบ่ายท่านก็จะเริ่มแจก ปรากฏว่ามีคนมาคอยรับแจกกันคับคั่ง แม้แต่ชาวต่างจังหวัดก็เดินทางมารับแจก

วัตถุมงคลหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว
วัตถุมงคลที่หลวงพ่อโบ้ยจัดสร้าง โดยมากจะเป็นโลหะประเภททองเหลือง ซึ่งเป็นพวกเครื่องใช้ที่ชาวบ้านนำมาถวาย ท่านเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2473 และต่อมาภายหลัง เมื่อปี 2500 ท่านได้สร้างพระชานหมากเป็นรูปของท่าน ท่านเอาชานหมากที่ท่านฉันเก็บเอาไว้เป็นเวลานาน 15-20 ปี นำเอามาผสมกับขี้ธูปและดอกไม้แห้ง ผสมกับดินและใช้น้ำตาลโตนดเป็นเชื้อสมานเนื้อพระ

พ.ศ.2479 ท่านเริ่มสร้างพระเนื้อดินเผา ในปี พ.ศ.2500 ท่านสร้างพระเนื้อชานหมาก เป็นรูปท่าน เหรียญของหลวงพ่อโบ้ยสร้างในปี พ.ศ.2508 คือ เหรียญสี่เหลี่ยมตัดมุม และเหรียญกลมนั่งเต็มองค์ สร้างเมื่อคราวผูกพัทธสีมา ส่วนเหรียญกลมครึ่งองค์นั้น สร้างในคราวฌาปนกิจหลวงพ่อ ทั้งนี้ หลวงพ่อโบ้ยท่านทำพระแจกอย่างเดียว ไม่ยอมรับปัจจัยจากผู้บริจาคอย่างเด็ดขาด

หลวงพ่อโบ้ย มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2508

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง

เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม พระเกจิผู้ทรงด้วยวิทยาคมและพุทธาคมเป็นเลิศ เจ้าของฉายาว่า "เหรียญปืนไขว้" เป็นพระเกจิในยุคสมัยเดียวกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อจาด หลวงพ่อจง หลวงพ่อคง หลวงพ่ออี๋ และพระครูบาศรีวิชัย วัตถุมงคลของท่านเป็นที่เคารพเลื่อมใสและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ "เหรียญรูปเหมือน รุ่นแรก" ซึ่งสร้างเมื่อปี พ.ศ.2484 เพื่อแจกทหารหาญที่ผ่านสงครามอินโดจีน ว่ากันว่ามีพุทธคุณล้ำเลิศในด้านคงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้าทีเดียว รูปทรงของเหรียญก็ออกจะแปลกกว่าเหรียญรูปเหมือนอื่นๆ ที่นิยมสร้างเป็นเหรียญรูปไข่หรือทรงเสมา คือ ขอบโดยรอบจะหยักเป็นมุมแหลม 16 หยัก เท่ากับอัตราโสฬสมงคล "พระเจ้าสิบหกพระองค์" ดูสวยงามมากครับผม

หลวงพ่อแช่ม พรหมสโร เป็นชาวนครปฐมโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2405 ตั้งแต่เยาว์วัยได้ศึกษาร่ำเรียนอักขระทั้งภาษาไทยและภาษาขอมกับพระอาจารย์จ้อย วัดดอนเจดีย์ ผู้เรืองวิทยาคม พระอาจารย์เห็นถึงคุณวิเศษและความใฝ่ใจของหลวงพ่อแช่ม จึงประสิทธิ์ประสาทวิทยาการด้านพุทธเวทพร้อมเคล็ดลับต่างๆ ให้โดยไม่ปิดบัง ซึ่งท่านก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างแตกฉาน ต่อมาเมื่ออายุครบบรรพชาท่านจึงเดินทางกลับมาบวช ณ บ้านเกิด ที่วัดตาก้อง ได้รับฉายา "พรหมสโร" ศึกษาด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ และฝึกฝนวิทยาการที่ได้ร่ำเรียนมาจนเกิดความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ท่านยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาเพิ่มเติมจากพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของ จ.นครปฐม ในสมัยนั้นอีกด้วย อาทิ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ฯลฯ จนเป็นที่เลื่องลือกันว่าท่านสำเร็จกสิณถึงขั้นอภิญญา

เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม รุ่นแรก สร้างเป็นเหรียญปั๊มขอบหยัก หูในตัว แล้วเชื่อมต่อด้วยห่วงกลม เนื้อทองแดง มีทั้งแบบรมดำและไม่รมดำ ด้านหน้าตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อแช่มนั่งครองจีวรห่มคลุม เต็มองค์ มือข้างซ้ายยกขึ้นและมีอักขระขอม "ตัวนะ" ที่ฝ่ามือ ไม่มีอาสนะสำหรับรองนั่งแต่กลายเป็น "ปืนไขว้" แทน ซึ่งเป็นอุปเท่ห์อย่างหนึ่งทางไสยเวทเรียกกันว่า "ข่มอาวุธ" หรือเรียกว่าเป็นการตัดไม้ข่มนาม โดยรอบมีอักษรไทยว่า "หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง" มีอักขระขอมตรงอกเป็น "ตัวอะ" และบริเวณโดยรอบองค์ท่านอ่านว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" ในหยักทั้ง 16 หยัก มีพระนามย่อ "พระเจ้าสิบหกพระองค์" อ่านว่า "นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอํ"

พิมพ์ด้านหน้าของเหรียญยังแบ่งแยกออกเป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์หูเดียวและพิมพ์สองหู "พิมพ์สองหู" รูปเหมือนหลวงพ่อแช่มนั้นปรากฏหู 2 หู ซึ่งถือเป็นปกติ ส่วน "พิมพ์หูเดียว" หูที่รูปเหมือนฯ มีเพียงหูข้างขวาของท่านเพียงหูเดียว ซึ่งไม่ทราบเป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเจตนาหรือช่างที่แกะแม่พิมพ์ลืมกันแน่ สำหรับในวงการนักนิยมสะสมพระเครื่องพิมพ์หูเดียวจะมีจำนวนน้อยกว่าจึงเล่นหาได้ยากกว่า ทำให้สนนราคาสูงกว่าตามไปด้วย แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหนก็นับเป็นเหรียญเก่าแก่ที่เป็นเลิศด้านพุทธคุณคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ ฉมังนัก

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร

ท้าวเวสสุวรรณ
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น

ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง ( ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น

ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อ อิฏฐ์ วัดจุฬามณี
ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวรภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษยภูมิขึ้นไป มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ ๔ องค์ คือ

๑. ท้าวธตรัฏฐะ อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา

๒. ท้าววิรุฬหกะ อยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา

๓. ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง นาคเทวดา

๔. ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ อยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา

มหาราชทั้ง ๔ นี้ เป็นผู้รักษามนุษยโลก หรือเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งมีสถานที่ปกครองตั้งแต่ตอนกลางของเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

พรเครื่องยอดนิยม

1. พระร่วงรางปืน และลายผ้า

พระร่วงรางปืน และลายผ้า
เป็นพระศิลปลพบุรี อายุอานามสร้างรุ่นราวคราวเดียวกันเมื่อครั้งขอมเรืองอำนาจ วันเดือนปีใดไม่ปรากฏการสร้าง สร้างไว้ที่ลพบุรีและที่สุโขทัย เป็นอันอับแรกเพราะการพบครั้งนั้นพบที่ลพบุรีและที่สุโขทัย ความต้องการและความนิยม มีมากกว่าพระดังได้กล่าวมาข้างต้น (สมัยก่อนราคาค่างวดยังแพงอยู่ เอาสมเด็จไปแลกไม่ได้ แต่ปัจจุบันนี้ พระร่วง 5 องค์ยังแลกพระสมเด็จไม่ได้) ราคาเช่าในปัจจุบัน หลักล้านสวย ถ้าไม่สวยหลักแสน ของปลอมมีมากกว่าของแท้ ทำได้เฉียบขาด

2. พระหูยาน ลพบุรี

พระหูยาน ลพบุรี
มีทั้งกรุเก่าและกรุใหม่โดยมากคนรุ่นใหม่ขอบพระกรุใหม่มาก มีทั้งกรุ 08 และกรุเก่าก่อน 08 ของแท้สวยงามกรุใหม่พิมพ์ใหญ่ ราคาเป็นแสน กรุเก่าราคาตามไม่ทันแต่เล่นหาเช่าบูชาต้องกรุเก่า ชัวร์ที่สุด

3. พระท่ากระดาน กรุศรีสวัสดิ์ เมืองกาญจนบุรี

พระท่ากระดาน กรุศรีสวัสดิ์ เมืองกาญจนบุรี
เป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดงและไม่แดงก็มี (แดงแห้งก็มี) หมดยาง เป็นพระตะกูลอู่ทอง ภาพพระนูนสูง ไม่ใช่นูนต่ำ มีคนเชื่อกันว่าเรื่องเหนียวชะมัด มีทั้งหน้าแก่และหน้าหนุ่ม พระเกศมาลาบิดและไม่บิด มีคนสนใจใฝ่หากันมากเหลือเกิน เพราะเชื่อคนเก่าแก่กันไว้ สนนราคาเช่าหากันขณะนี้องค์ละเป็นแสนบาท แล้วแต่สวยและไม่สวย

4. พระปรุหนัง พิมพ์บัวเม็ด

พระปรุหนัง พิมพ์บัวเม็ด
มีโมคลาและพระสารีบุตรทั้ง 2 ข้าง องค์พระประทับนั่งตรงกลาง อยู่บนบัวคว่ำและบัวหงาย มีซุ้มจิกเป็นลวดลายอยู่เบื้องบน พระองค์กลางนั่งปางสะดุ้งมาร องค์ข้างยืนพนมมือ ทั้ง 2 องค์ มีหลังตันและฉลุโปร่ง ดูสวยงามดี เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ศิลปะสวยงามดี ผู้คนสนใจพระปรุหนังกันมาก เพราะปรากฏว่ามีเหตุการณ์ที่อันมหัศจรรย์ยิ่ง คือยิงไม่ออก

5. พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง

พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดง
พระเดี่ยวดำ-เดี่ยวแดงมีทั้งเนื้อดินเผาและตะกั่วสนิมแดงและชินเงินก็มี แตกกรุที่วัดใหญ่ท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี มีหลายปีก่อนถือว่าเป็นกรุต้นกำเนิด มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีหลายแห่งที่เราพบ คือ ที่ไผ่ขาด อำเภออินทร์บุรี, ที่ซุ้มกระต่าย, โพธิ์นางดำ สรรพยา ชัยนาท,ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี, และที่กรุเขาสมอคอนท่าวุ้ง ลพบุรี, ต้นกำเนิดครั้งแรกพบที่ท่าวุ้ง ประทับใจเล่นพระเป็นอย่างยิ่ง เพราะชาวลพบุรีเล่นกันมาก ราคาก็แสน
จะแพงลิบลิ่วองค์สวยๆงามๆ ตกราว 4-5 หมื่น ยิ่งปัจจุบันมีนักเล่นพระมากมายอยากได้ยิ่งแพง ไม่ว่าจะเป็นของที่ได้จากที่ใดก็ตามเป็นพระที่สร้างในสมัยลพบุรี-อู่ทอง

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

อันดับพระเครื่องยอดนิยม

1. สุดยอดความนิยมพระเครื่องแห่งปี สมเด็จวัดระฆัง

สมเด็จวัดระฆัง
ขึ้นชื่อลือชาและโดดเด่นโด่งดังอยู่ในขณะนี้ระดับเดียวกันเห็นจะไม่มีพระคณาจารย์ใดดังเท่ากับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พราหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตารามไปได้ เรียกว่าดังทั่วแคว้นแดนสยาม การเช่าบูชาอยู่ในระดับสูงมาก ความนิยมว่ากันว่าตายแล้วเกิดใหม่ยังนิยมอยู่ แท้หรือไม่แท้ว่ากันอีกที เคยมีข่าวว่าพระสมเด็จแท้ สามารถประมูลกันถึง 24 ล้านบาท

2. พระรอด จังหวัดลำพูน

พระรอด จังหวัดลำพูน
เป็นพระที่เขาเล่ากันว่า ฤาษีสร้าง เมื่อครั้งพระนางจามเทวีได้ไปครองเมืองลำพูน เป็นพระที่ขึ้นชื่อลือชาอีกองค์หนึ่ง ในกระบวนพระเครื่องทั้งหมดที่มีคนสรรค์หาอย่างมากไม่แพ้พระสมเด็จเท่าใดนัก แคล้วคลาด ปลอดภัยต่ออันตรายทั้งหลายทั้งปวงใครมีพระรอดรับรองว่าไม่ตายโหง รู้สึกว่าหากัน
มาก รู้ราคาลดหลั่นกันไปที่ความแท้ (และความงาม)มีอายุการสร้างไม่ต่ำกว่า 800-1,000 ปี เป็นอย่างต่ำ

3. พระนางพญา วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก
เป็นพระเนื้อดินเผา (ส่วนเนื้อชินก็มีไม่นิยมเท่า) มีหลายพิมพ์ทรง เข่าตรง เข่าโค้ง คนที่ศรัทธาเลื่อมใสกันมากนั้นได้แก่ พิมพ์ใหญ่นิยมเข่าตรงและเข่าโค้ง เชื่อว่ามีนางพญาแล้วอะไรๆ ก็รื่นไหล จะคิดการณ์อะไรได้ดังสมเจตนาหนำซ้ำคงกระพันชาตรี

4. ทุ่งเศรษฐี

พระลีลา ทุ่งเศรษฐี
ถูกจัดอันดับภายหลัง เป็นพระจังหวัดกำแพงเพชร ชื่อก็เป็นมงคลอยู่แล้วกำแพงยังเป็นเพชรเลย นับประสาอะไรความแกร่งกร้าวของพระจะไม่แข็ง แข็งและป้องกันภัยภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้ดียอดเยี่ยม ปลอดภัยในทุกกรณี ถ้าผู้ใดมีพระทุ่งเศรษฐี (ซุ้มกอและทุ่งเม็ดขนุน) ราคาเช่าบูชา กำแพงต้องแพงสมชื่อ ราคาต้องตกลงกันเอง ความนิยมไม้แพ้พระรอดพระนางพญา ไปได้เลยจึงมีคนสนใจใฝ่หากันมาก

5. ผงสุพรรณ

ผงสุพรรณ
ในตำนานว่าสร้างด้วยผงเกษร 108 เนื้อละเอียดสุดๆผมเองไม่เคยได้และไม่เคยมี มีมากน้อยแค่ไหนก็ไม่เคยรู้ แต่รู้ว่าเนื้อละเอียดไม่มีแร่เป็นดินเผาสีแดง และสีใบตะโกแห้ง ส่วนรูปทรงดูในหนังสือ พอจะรู้องค์ไหนแท้องค์ไหนเทียม ส่วนสีอื่นก็มีราคาเช่าบูชาองค์ละเป็นล้านหรือหลายๆ ล้านแล้วแต่ความสวยงาม เชื่อว่าของจริงของแท้มีน้อยมากของปลอมมีมากกว่า

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ขี้ผึ้งสีปาก เมตตามหานิยม

ขี้ผึ้งสีปากเป็นของที่มีมาแต่โบราณกาลใช้สำหรับสีริมฝีปาก กันริมฝีปากแตกระแหงอันเป็นรอยน่าเกลียด ขี้ผึ้งสีปากแต่ก่อนทำจากขี้ผึ้งจากรังผึ้งแท้ ๆ นำมาผสมเข้ากับน้ำมันหอมที่กลั่นมาจากดอกไม้ เช่น ดอกกระดังงา ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกสาระภี ดอกพิกุล ดอกบุนนาคฯ แล้วแต่ผู้ใช้จะชอบกลิ่นดอกไม้อย่างไหนก็ใช้น้ำมันกลิ่นดอกไม้นั้น ๆ ผสมกับขี้ผึ้งที่จะใช้สีริมฝีปากนั้น ต่อมาขี้ผึ้งสีปากได้มีที่ใช้กับคนที่กินหมากขึ้นอีก เพราะหมากนั้นมีส่วนผสมของปูนทำให้ฝีปากแตกและตึงมากขึ้น ผู้กินหมากจึงใช้ขี้ผึ้งสีปากสีแก้อาการดังกล่าว ขี้ผึ้งสีปากจึงมีบทบาทอยู่กับการกินหมาก ต่อมาลิปสติกที่ฝรั่งตะวันตกทำสำหรับริมฝีปากผู้หญิงเขาก็คิดขึ้นจากการใช้ขี้ผึ้งสีปากของพวกเรานี้เอง แต่เป็นธรรมดาของคนที่เจริญด้วยศิลปวิทยาการทางวัตถุ ขี้ผึ้งสีปากจึงกลายเป็นลิปสติกเครื่องสำอางอันจำเป็นของสตรีในปัจจุบัน

ขี้ผึ้งสีปาก เมตตามหานิยม
ขี้ผึ้งสีปากที่โบราณาจารย์ท่านทำเป็นเครื่องรางของขลังนี้ก็คงใช้สีปากเหมือนเดิม แต่พระอาจารย์เจ้าท่านผสมขี้ผึ้งสีปากนั้นเป็นพิเศษด้วยเวทย์มนต์ และวัสดุของขลังบางอย่าง เช่น สมุนไพรที่มีกลิ่นหอม อาทิ ว่านและเนื้อไม้กฤษณากลำพัก ฯลฯ วัสดุที่คลุกเคล้าเข้ากับขี้ผึ้งนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการประจุอาคมขลังสำหรับให้ผลทางเสน่ห์เมตตามหานิยมทั้งสิ้น

ในกาลต่อมา สมุนไพรของหมดได้หายากยิ่งขึ้น พระคณาจารย์เจ้าท่านจึงใช้แป้งอันสำเร็จแล้วด้วยคุณวิเศษ คือแป้งที่เกิดขึ้นจากการทำผงพระพุทธคุณต่าง ๆ อาทิ ผงพระพุทธคุณ ผงตรีนิสิงเห ผงปถมังผงต่าง ๆ เหล่านี้นับเป็นผงที่มีคุณานุภาพทางดลจิตใจให้เกิดความเมตตารักใคร่สงสารทั้งสิ้น เมื่อคลุกเคล้าผงเหล่านี้ด้วยดีแล้ว ท่านก็นำผงทั้งหมดลงผสมเข้ากับขี้ผึ้งมอบให้กับสาธุชนนำไปใช้ในการติดต่อเพื่อผลสำเร็จทางกิจุระการงานอาชีพต่อไป ขี้ผึ้งเหล่านี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ขี้ผึ้งคุณพระ” หมายถึงขี้ผึ้งที่สำเร็จและทางคุณวิเศษด้วยคุณพระรัตนตรัยนั่นเอง การใช้ขี้ผึ้งคุณพระไม่จำเป็นจะต้องเป็นหญิง แม้สุภาพบุราก็พกนำติดตัวไปใช้ในการเจรจาติดต่อเรื่องงานหรือเรื่องของความรักจากเพศตรงข้ามก็ได้

สีผึ้งทาปาก เมตตามหานิยม ดีทางเสน่ห์
ขี้ผึ้งสีปากที่เป็นของแสวงหากันในหมู่ผู้นิยมนับถือเครื่องรางคือ “ขี้ผึ้งสีปากเมตตา” ของหลวงพ่อวัดแปลงยาว ตำบลแปลงยาว อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวกันว่าก่อนที่หลวงพ่อจะประสิทธิ์ขี้ผึ้งให้แก่ผู้ใดหลวงพ่อจะนั่งเข้าที่เสกขี้ผึ้งนั้นด้วยพลังจิตอันแรงกล้า ให้ขี้ผึ้งนั้นเป็นภาพหญิงสาวสวยประจักษ์แก่ตาผู้รับขี้ผึ้งนั้น ไปเสียก่อนและก็ด้วยพลังจิตอันแก่กล้าของหลวงพ่อนั่นเอง ภาพหญิงสาวสวยเสกนั้นก็จะค่อย ๆ กลับกลายมาเป็นขี้ผึ้งตามเดิม เมื่อเสร็จพิธีนี้และผู้รับขี้ผึ้งเห็นประจักษ์แก่ตาจนเป็นที่เลื่อมใสแล้ว หลวงพ่อก็จะมอบขี้ผึ้งวิเศษให้ไป

ขี้ผึ้งเมตตาของหลวงพ่อวัดแปลงยาว แปดริ้วนี้ มีคุณานุภาพทางเมตตาสูงมาก แต่ในปัจจุบันนี้ท่านชราภาพมากแล้ว การสงเคราะห์สัปบุรุษด้วยการทำขี้ผึ้งให้ หลวงพ่ออาจจะละเสียแล้วก็ได้

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

หวายลูกนิมิต มหาอุด แคล้วคลาด

ก่อนที่จะมีการลงรากก่อสร้างพระอุโบสถของวัดในพระพุทธศาสนา ทางวัดจะจัดให้มีพิธีฝังลูกนิมิต ลูกนิมิตลักษณะเป็นลูกหิน แต่งเป็นลูกกลมใหญ่คล้ายลูกปืนโบราณ มีจำนวน 8 ลูก ลูกละทิศ เพราะมีคติถือว่าทิศทั้ง 8 นั้น มีพระอรหันต์เจ้าประจำอยู่ทุกทิศดังนี้คือ

ลูกนิมิต
1. ทิศบูรพา พระโกญทัญญะ เป็นอรหันต์ประจำทิศ

2. ทิศอาคเนย์ พระมหากัสสป เป็นอรหันต์ประจำทิศ

3. ทิศทักษิณ พระสารีบุตร เป็นอรหันต์ประจำทิศ

4. ทิศหรดี พระอุบาลี เป็นอรหันต์ประจำทิศ

5. ทิศประจิม พระอานนท์ เป็นอรหันต์ประจำทิศ

6. ทิศพายัพ พระควัมปติ เป็นอรหันต์ประจำทิศ

7. ทิศอุดร พระโมคคัลลานะ เป็นอรหันต์ประจำทิศ

8. ทิศอีสาน พระราหุล เป็นอรหันต์ประจำทิศ

เมื่อตบแต่งลูกนิมิตแล้ว เขาจะนำลูกนิมิตนั้นไปวางไว้ตามปากหลุมประจำทิศ แต่ละทิศให้สัปบุรุษมีโอกาสได้บำเพ็ญกุศลปิดทองลูกนิมิตบูชาไหว้กราบพระอรหันต์แต่ละองค์ ๆ ไปจนครบ 8 องค์ ลูกนิมิตที่นำมาให้ปิดทองนี้วางไว้บนสาแหรกหวายเพื่อเวลาฝังจะได้ใช้หย่อยลงไปในหลุมได้สะดวก ภายในหลุมทำเป็นถุงผ้าใบใหญ่สวมหลุมเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อรองรับอัฏฐบริขารที่ผู้ศรัทธาจะบริจาคหย่อนลงไปในหลุมนั้น

หวายลูกนิมิต
ของเหล่านี้บางอย่างทางวัดก็จัดไว้จำหน่ายให้เพื่อความสะดวกของผู้ที่จะบริจาค อาทิ เข็ม ด้าย สมุด ดินสอ ผ้าอาบ ฯลฯ เมื่อเสร็จพิธีฝังลูกนิมิตแล้ว สิ่งของที่สัปบุรุษบริจาคไว้ตามหลุมเขาก็นำไปถวายพระต่อไป ส่วนหวายที่เป็นสาแหรกของลูกนิมิตจะถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ นำไปแจกจ่ายแก่ศาสนิกชนที่มาร่วมในงาน ผู้ที่ได้หวายสาแหรกของลูกนิมิตไปก็นำหวายนั้นไปเลี่ยมหัวท้ายด้วยเงินทองนาคใส่ในกล่อง หรือทำหูคล้องสร้อยคอถือกันว่าเป็นมหาอุดคืออาวุธปืนมิสามารถจะระเบิดจากลำกล้อง มาทำอันตรายผู้มีหวายสาแหรกลูกนิมิตอยู่กับตัวนั้นได้ หวายลูกนิมิตนี้เป็นที่นิยมของสุภาพสตรีไทย ในสมัยก่อนนี้เป็นอันมาก พระคณาจารย์ท่านให้คาถามหาอุดกันปืนกำกับไว้ดังนี้

“อุดธังอัดโธ โธอุดธังอัด นะอุด โมอัด พุทยัด ธาปิด ยะอุด” ขณะภาวนาจงให้ได้คาบ (อึดใจหนึ่งว่าให้จบพระคาถา)

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

พระนางพญา

ลักษณะของพระนางพญา พระส่วนใหญ่จะมีเนื้อหยาบ ส่วนที่เป็นเนื้อละเอียดอ่อนจะมีน้อยมาก มีทั้งหมด 7 พิมพ์ด้วยกัน

พระนางพญา - พิมพ์เข่าโค้ง
1. พิมพ์เข่าโค้ง ถือเป็นพิมพ์ใหญ่พิมพ์หนึ่ง

พระนางพญา - พิมพ์เข่าตรง
2. พิมพ์เข่าตรง ถือเป็นพิมพ์ใหญ่ โดยเฉพาะพิมพ์เข่าตรง แยกออกเป็น 2 พิมพ์ด้วยกันคือ พิมพ์เข่าตรง “ธรรมดา” กับพิมพ์เข่าตรง “มือตกเข่า” แต่ทั้งสองพิมพ์ก็ถือว่าอยู่ในความนิยมเหมือนกันทั้งคู่

พระนางพญา - พิมพ์อกนูนใหญ่
3. พิมพ์อกนูนใหญ่ ถือเป็นพิมพ์ใหญ่

พระนางพญา - พิมพ์สังฆาฏิ
4. พิมพ์สังฆาฏิ ถือเป็นพิมพ์กลาง

พระนางพญา - พิมพ์อกแฟบ
5. พิมพ์อกแฟบ (หรือพิมพ์เทวดา) ถือเป็นพิมพ์เล็ก

พระนางพญา - พิมพ์อกนูนเล็ก
6. พิมพ์อกนูนเล็ก ถือเป็นพิมพ์เล็ก

พระนางพญา - พิมพ์เข่าบ่วง
7.พิมพ์พิเศษ เช่น พิมพ์เข่าบ่วง หรือพิมพ์ใหญ่พิเศษ


แลกลิงค์

Create your own banner at mybannermaker.com!
Copy this code to your website to display this banner!
เอาลิงค์ติดที่เว็บท่านแล้วแจ้งที่ infothaiamulet@gmail.com